คดีเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ เครื่อง หมายของคริสตจักร และความผิดของผู้ที่เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ของประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกที่ได้ร่วมกันเผยแพร่และโจมตีให้ร้ายหลายบุคคลตลอดเรื่อยมา
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะคดี โดยพิพากษาว่ามูลนิธิฯ ไม่ใช่เจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ
เมื่อเดือนธันวาคม 2555 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะ คดี โดยพิพากษาว่า ศิษยาภิบาลเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายของคริสตจักรฯดีกว่า
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วว่า ประธานมูลนิธิฯ มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตัดสินลงโทษจําคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจําคุกให้รอ 1 ปี
ศาลก็ได้ ตัดสินยกฟ้องมูลนิธิฯ ซึ่งหมายความว่า มูลนิธิฯ ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันหรือพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าข้อกล่าวหานั้น เป็นจริงได้
สํานักงานคริสตจักรฯ
7 กุมภาพันธ์ 2556
🙏🐸💖💋😍🐛🐝🐠🌀🌐🍀🐞
https://wp.me/pd9PJy-59ghttps://wp.me/p7cLjG-59g
#คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ #คริสตจักรชนะคดีความ ,Hope of Bangkok Church, Phitsanunart Srithawong, Sunee Srithawong, พิษณุนาท ศรีทะวงศ์, ศิษยาภิบาลอาวุโส, สุนีย์ ศรีทะวงศ์
คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ
HOPE OF BANGKOK CHURCH
7 กุมภาพันธ์ 2556
เรื่อง แจ้งให้ทราบ กรณี คริสตจักรชนะคดีความ
เรียน สมาชิกคริสตจักรความหวังในกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดและในต่างประเทศ
สืบเนืองจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯผู้รับใช้ของพระเจ้าและผู้นําได้ถูกกดขี่ข่มเหงโดยประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกด้วยการออกเอกสารโจมตีให้ร้ายในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงและใส่ความเท็จทั้งต่อสมาชิกคริสตจักรที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ และบุคคลภายนอก ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯแต่อย่างใด โดยมีการส่งเอกสารดังกล่าวไปยังหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชนต่าง ๆ อาทิ ศูนย์การค้า เจ เจ มอลล์, สภาคริสตจักรฯ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพฯ, เจ้าของโรงแรมอินทรา รีเจ้นท์ ประตูน้ํา, เจ้าของตึก IEC ถนนรามคําแหง,ทีสนามกีฬาภาคตะวันออก พัทยา จ.ชลบุรี, สํานักงานเขตคลองเตย, อธิบดีกรมการปกครอง, มหาวิทยาทักษิณ ฯลฯ และอีกหลาย ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคณะผู้นําคริสตจักรฯ จัดให้มีการปฏิบัติศาสนกิจ ณ ที่ใดประธานมูลนิธิฯก็จะส่งเอกสารดังกล่าวไปยังสถานทีนั้น เพื่อกดดันเจ้าของสถานที่ให้ไม่อนุญาตให้เราได้ใช้สถานที่ ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดขวางไม่ให้คริสตจักรปฏิบัติศาสนกิจ และนมัสการพระเจ้า และไม่เว้นแม้กระทั่งการจัดสัมมนาวิชาการทางด้านพระคัมภีร์และค่ายความรักผูกพันยังต่างจังหวัดประธาน ทั้งนี้ ไม่เพียงตัวประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกที่มี พฤติกรรมเช่นนี้ แต่ยังมีการพูดบนเวทียุยง และส่งเสริมให้คนอื่นช่วยกันเผยแพร่ โดย การ forward ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์, ผู้ที่กระทําการเผยแพร่ค้ากล่าวหมิ่นเหม่ต่อความผิดฐานหมิ่นมูลนิธิฯก็ส่งเอกสารดังกล่าวนี้ไปกดดันเจ้าของสถานที่ด้วย แต่ไม่เป็นผลบล็อก, เฟซบุ๊ก และช่องทางอื่น ๆ บนอินเตอร์เน็ต โดยไม่คํานึงว่าผู้ที่กระทําการเผยแพร่ดังกล่าวหมิ่นเหม่ต่อความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ ประธานมูลนิธิฯยังได้ดําเนินการฟ้องร้องทั้งในนามตนเองและผู้อื่นให้ฟ้องร้องผู้นําคริสตจักรฯสมาชิกและบุคคลต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 20 คน รวมกันแล้วหลายสิบคดี จนเป็นที่กล่าวขานถึงเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ หากนับจากช่วงเวลาที่ประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกได้ลงมือก่อการในเดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการตัดสินคดีที่สําคัญ ๆ อยู่หลายคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ เครื่อง หมายของคริสตจักร และความผิดของผู้ที่เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ของประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกที่ได้ร่วมกันเผยแพร่และโจมตีให้ร้ายหลายบุคคลตลอดเรื่อยมา โดยมีสาระสําคัญดังนี้
คดีที่ 1 คดีพิพาทเรือง “ชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ” และ/หรือ “คริสตจักรความหวังตามด้วยชื่อสถานที
คดีนี้ มูลนิธิฯได้ฟ้องศิษยาภิบาล โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯและคริสตจักรความหวังทั้งหมด เป็นของมูลนิธิฯ การดําเนินกิจการของคริสตจักร ชื่อและโลโก้ ตลอดจนทรัพย์สินที่สมาชิกถวายให้กับพระเจ้าตกเป็นของมูลนิธิฯ ศิษยาภิบาลและคณะผู้นําคริสตจักรฯ เป็นเพียงลูกจ้างของมูลนิธิฯ อยู่ภายใต้คณะกรรมการมูลนิธิฯ ไม่มีอํานาจเหนือมูลนิธิฯและ
ประธานมูลนิธิฯ
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะคดี โดยพิพากษาว่ามูลนิธิฯ ไม่ใช่เจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ
คดีที่ 2 คดีพิพาทเรือง เครื่องหมายของคริสตจักร ว่าฝ่ายใดเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิดีกว่ากัน
คดีนี้ผู้ที่ถูกเชิดเป็นโจทก์ฟ้อง คือ สมาคมคริสตจักรความหวัง ผู้เริ่มก่อการมีนางรูปนา สุวรรณพงษ์ (ประธานมูลนิธิฯ) นายประภพ ภูมิวิทยา (เคยเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลมาก่อน) และนางวันทนา กองแก้ว (ทนายความมูลนิธิฯ ) และได้แต่งตั้งให้ นางรูบีนา สุวรรณพงษ์ ควบ 2 ตําแหน่งทั้งเป็นนายกสมาคมและประธานมูลนิธิฯ ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เป็นประเด็น คือ สมาคมนี้ ได้แอบนําเอาเครื่องหมายของคริสตจักรฯไปจดทะเบียน โดยไม่เคยขออนุญาตจากศิษยาภิบาลและเพิ่งได้รับอนุญาตให้จดทะเบียน เป็นนิติบุคคล ในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ก่อนที่ประธานมูลนิธิฯจะลงมือก่อการออกเอกสารแถลงการณ์ฯ เพียง 2 เดือน และได้เชิดสมาคมร่วมกับมูลนิธิฯ โดยการมอบอํานาจของคน ๆ เดียวเพื่อมาฟ้องศิษยาภิบาลในเวลาต่อมา โดยสมาคมคริสตจักรความหวังได้ฟ้องศิษยาภิบาล แอบอ้างว่า เครื่องหมายของคริสตจักรเป็นของสมาคมฯ ศิษยาภิบาลไม่มีสิทธิใช้เครื่องหมายของคริสตจักร และเรียกค่าเสียหายจากศิษยาภิบาลฐานทําละเมิด
เมื่อเดือนธันวาคม 2555 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะ คดี โดยพิพากษาว่า ศิษยาภิบาลเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายของคริสตจักรฯดีกว่า
คดีที่ 3 คดีพิพาทว่าการเผยแพร่เอกสารแถลงการณ์โจมตีให้ร้ายและการอ่านเอกสารดังกล่าวบนเวทีของประธานมูลนิธิฯ มีความผิดฐานหมิ่นประมาท (ใส่ความ ผู้ที่ถูกพาดพิงในเอกสารหรือไม่
ประเด็นในคดีนี้ ถือว่าเป็นประเด็นที่สําคัญ เนื่องจากเอกสารแถลงการณ์ดังกล่าวประธานมูลนิธิฯ ได้ใช้เป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงของผู้ที่ถูกพาดพิงในเอกสารตั้งแต่ปลายปี 2551 ตลอดมานับเป็นระยะเวลาหลายปี โดยได้แอบอ้างว่า ตนเองมีความชอบธรรมในการกระทําดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วว่า ประธานมูลนิธิฯ มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตัดสินลงโทษจําคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจําคุกให้รอ 1 ปี
นอกจากทั้ง 3 คดี ดังกล่าวข้างต้น กรณีข้อมูลอันเป็นเท็จที่ประธานมูลนิธิฯ ได้เขียนไว้ในเอกสารแถลงการณ์ฯ ศาลก็ได้ ตัดสินยกฟ้องมูลนิธิฯ ซึ่งหมายความว่า มูลนิธิฯ ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันหรือพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าข้อกล่าวหานั้น เป็นจริงได้ อาทิ กรณีการซื้อที่ดินของคริสตจักรความหวังขอนแก่นที่จังหวัดขอนแก่น หรือกรณีที่ประธานมูลนิธิฯเชิดผู้นําคริสตจักรความหวังที่ต่างจังหวัดให้เป็นโจทก์ฟ้องคดี ซึ่งเมื่อผู้นําเหล่านั้นทราบความจริงว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ฟ้องในเรื่องที่ไม่จริง ก็ได้มีการทําหนังสือขอขมากัน เป็นต้น
นอกจากคดีต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ยังมีคดีอื่นๆ อีกทียังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลต่อไป และยังมีพฤติกรรม อีกหลายอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ได้ใช้หลักอย่างคนที่ยึดพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งจะสําแดงออกประจักษ์ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงใคร่ขอแจ้งให้พี่น้องสมาชิกคริสตจักรฯ ได้รับทราบ และขอให้พวกเราทุกคนได้ร่วมใจกันอธิษฐานเผื่อคริสตจักรฯ อธิษฐานเพื่อผู้นํา ให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้โดยพระคุณของพระเจ้า และให้พระเจ้าทรงสนับสนุนคริสตจักรที่เดินตามน้ำพระทัยพระองค์ ทําตามหลักการพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอน ให้เกิดผลทวีคูณ ให้ขยายงานออกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งได้
สํานักงานคริสตจักรฯ
อัลบั้มของ คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ
กรณีคริสตจักรฯชนะคดีความที่ผ่านมา 2 มีนาคม 2013 ·
[notshow=scribd id=126609544 key=key-2bdawa0gyinstrx40ask mode=slideshow=notshow]
Deletion notice | scribd
The document กรณีคดีคริสตจักรชนะคดีความ has been deleted.
https:\\image.isu.pub/110307170832-398ed8e8ed5a46f6b6e7944bb6b3493d/jpg/page_1.jpg
https://issuu.com/popnarong/docs/hope18page
คำพิพากษา คดี 18 หน้า คริสตจักรความหวัง
Published on Mar 7, 2011
นางสุนีย์ ฟ้องนายณรงค์ ที่เอาเอกสาร 18 หน้า ขึ้นมา Upload ที่ http://www.issuu.com ศาลพิพากษายกฟ้อง บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน
อัลบั้มของ คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ กรณีคริสตจักรฯชนะคดีความที่ผ่านมา 2 มีนาคม 2013 ·
คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ 2 มีนาคม 2013 ·
คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ 1 พฤศจิกายน 2012 · ศิษยาภิบาล อ.พิษณุนาทได้สื่อสารถึงการที่คริสตจักรชนะคดีโลโก้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาขอบคุณพระเจ้า
.
เรื่อง แจ้งให้ทราบ กรณี คริสตจักรชนะคดีความ :
คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ Hope of Bangkok Church 7 กุมภาพันธ์ 2556
.
คดีเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ เครื่อง หมายของคริสตจักร และความผิดของผู้ที่เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ของประธานมูลนิธิฯกับพรรคพวกที่ได้ร่วมกันเผยแพร่และโจมตีให้ร้ายหลายบุคคลตลอดเรื่อยมา
.
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะคดี โดยพิพากษาว่ามูลนิธิฯ ไม่ใช่เจ้าของชื่อคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ
.
เมื่อเดือนธันวาคม 2555 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้ตัดสินคดีให้ศิษยาภิบาลเป็นฝ่ายชนะ คดี โดยพิพากษาว่า ศิษยาภิบาลเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายของคริสตจักรฯดีกว่า
.
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วว่า ประธานมูลนิธิฯ มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตัดสินลงโทษจําคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจําคุกให้รอ 1 ปี
.
ศาลก็ได้ ตัดสินยกฟ้องมูลนิธิฯ ซึ่งหมายความว่า มูลนิธิฯ ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันหรือพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าข้อกล่าวหานั้น เป็นจริงได้
.
สํานักงานคริสตจักรฯ
7 กุมภาพันธ์ 2556
🙏🐸💖💋😍🐛🐝🐠🌀🌐🍀🐞
https://wp.me/pd9PJy-59g
.
#คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ #คริสตจักรชนะคดีความ ,Hope of Bangkok Church, Phitsanunart Srithawong, Sunee Srithawong, พิษณุนาท ศรีทะวงศ์, ศิษยาภิบาลอาวุโส, สุนีย์ ศรีทะวงศ์
.
ถูกใจถูกใจ